ยอดคนที่มาจากคนธรรมดาเช่นคุณ
ฟ้า มิได้แบ่งยอดคนกับคนธรรมดาออกจากกัน
ผู้เข้าชมรวม
709
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ค่ายปรับสมดุลกายจิต 3
ดวงดีได้มีโอกาสเข้าไปช่วยงานครู และเข้าร่วมในการอบรมครั้งนี้ด้วย ครูได้พูดถึง
"ฟ้า มิได้ แบ่งยอดคนกับคนธรรมดา ออกจากกัน " ยอดคน ยอดคนคือ ทำอะไร ก็ได้ มีความตั้งใจ จริงใจในการทำ ทำไปแล้วก็รู้สึกภาคภูมิใจ แล้วเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองทำ พอทำไป แล้วมีความสุขในสิ่งที่ทำ มีความมั่นใจในสิ่งที่ทำ เชื่อและเคารพนับถือตนเองในสิ่งที่ทำ ทำแล้วเกิดมีความมั่นใจมากขึ้น พอมีความมั่นใจมากขึ้นก็ยิ่งทำ ทำให้เกิดผลที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆในสิ่งนั้นๆ นี้เขาเรียกคนประเภท "ยอดคน"
กล้าที่จะคิด กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง มีเป้าหมาย มีระบบชัดเจนคิดแล้วตัดสินใจทำตามเป้าหมายที่วางไว้ เขาบอกว่าเป้าหมายอย่างเปลี่ยนแปลงถ้าเราตั้งใจ เหมือนคำพูดที่ว่า "วิธีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่เป้าหมายคงเดิม"
ชีวิตมันเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราจะเดินตามบุคคลที่ประสบความสำเร็จ เพียงแค่เราดู ในชีวิตของพวกเราทุกคน เราอาจเคยเห็นคำบางคำ วลีบางวลี ประโยคบางประโยค และหลักการณ์ง่ายๆทั่วๆไป จากทีวี หรือจากคนที่เขาประสบความสำเร็จ ที่เขามีความพยายามตั้งใจและเขาก็ตัดสินใจ ทำจนเกิดความสำเร็จ ในสิ่งที่เขาเหล่านั้นทำ ได้อย่างชัดเจน อย่างตอนช่วงบ่ายฟังคุณหมอ (คุณหมอที่เป็นวิทยากรเกี่ยวกับโภชนาการ) พูดเรื่องโภชนาการ ทั้งหลาย ข้อสุดท้าย ท้ายสุดคุณหมอก็ฝากว่า การรับประทานอาหารอย่างเข้าใจและถูกวิธีต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ใช่ไหมครับ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
คำว่า "ทัศนคติ"คืออะไรนะ บางทีเราฟัง บางท่านผมคิดว่าเข้าใจนะ แต่เราถามตัวเองต่อไหมว่า...เข้าใจแล้วลึกซื้งคำๆนั้นจริงๆจังๆ หรือเปล่า..เรื่องที่เราทำ หรือเรื่องที่เราต้องทำต่อไป เอามาคิดจนแตกฉาน จนเราสามารถนำมาใช้กับตัวเราได้จริงไหม? ว่าเราจะเอาไปทำได้....
เรียนรู้เอกสารก็ด้รับแจกเหมือนกัน พอลงทะเบียนได้รับถุงผ้า เอกสารแต่ละช่วงผู้จัดเขาก็จัดไว้ให้...แต่...ถามว่าเราเข้าใจมันได้มากแค่ไหน กับสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่านไป ต้องถามตัวเราเอง เขาบอกว่า ความรู้เป็นศาสตร์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมันจะอยู๋ตราบนานเท่านาน วันนี้อาจเป็นคนนี้พูด ผ่านไปอีก จะมีอีกคนมาพูดเรื่องเดิม แต่เป็นศาสตร์ความรู้เดียวกัน แต่อาจจะเพิ่มเติม แตกต่างกัน บ้างเล็กน้อยตามความถนัดของแต่ะละคน ฉนั้น การนำความรู้ไปใช้ต้องศิลปะการนำไปใช้ มันจึงจะเกิดประโยนช์กับตัวเรา
"ศิลปะ " การที่เราใช้ชีวิตก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง การที่เราจะพูดและก็สื่อสารให้ใครสักคนเข้าใจถึงความต้องการให้เขาเข้าใจนี่ก็เรียกว่า "ศิลปะ"
อย่างเมื่อสักครู่ เขาเปิดเพลงให้ทุกคนเต้น เต้นกันอย่างสนุกสนาน แต่บางคนบอก บ้า! ทำไม่ได้อายเขา สต๊าฟก็พยายามทำทุกวิถีทางให้ทุกคนหลุดจากความกลัวและอายออกมา เอ้า...เต้นอย่างนี้ไม่ได้ ลองเต้นเป็นวงซิ เต้นเป็นกลุ่ม แล้วทุกคนเต้นได้ไหม? โอ้โห้..พอเต้นแล้วมีความสุขเราทำได้แล้ว เต้นใหญ่เลย พอเพลงหยุดหันไปมองคนเปิดเพลง ปิดทำไม(ฮะฮาๆๆๆๆๆ) กำลังมัน..หยุดทำไม.....
เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ทำได้ทุกอย่าง มันต้องบอกตนเองก่อน...เฮ่ย...คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ ได้ ไม่ได้ มันก็ ไม่ได้ คำเดียวกัน แต่ความรู้สึกแตกต่างกัน ไม่ได้ มันก็ ไม่ได้ แต่ถ้าเราบอกกับตนเองว่า เขาเต้นกัน ไม่ได้ ไม่ได้ละ มันต้องได้ มันมีข้อโต้แย้งกับตัวเรา เอาออกมาผลักดันกับตัวเรา ไม่ได้ ไม่ได้ละ ทำได้ ก็ทำได้คนเราสองมือสองเท้าเท่ากัน ทำไมจะทำไม่ได้ ไม่ว่าจะทำได้มาก ได้น้อย ก็ทำได้ลองทำไปก่อน เขาเต้นได้เราทำได้ ดูสิจะว่าอย่างไร ถ้ามีความมุ่งมั่นซะอย่างต่อให้ยากแค่ไหนก็ทำได้ ลองทำอะไรที่มันสุดๆกับชีวิตสักครั้งดูสิมันจะออกมาดีไหม?....
ต้องบอกตนเองก่อนว่า ถ้าเราตั้งใจไม่จำเป็นต้องเร่งรีบหลอกครับ กรุงโรม ไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว
คนฝรั่งเป็นอะไรที่เขาภาคภูมิใจ เวลาทำอะไรถึงแม้จะใช้เวลามาก อเมริกาบอกเห็นไหม เทพีเสรีภาพ เอาหินมาจากทั่วสาระทิศและใช้เวลาสร้างจนเสร็จ 4-5 ปี ก็เสร็จ
I am America ....ภาคภูมิใจมากๆๆๆๆ
อิตาลี เขาว่ามีโคลีเซียม เป็นสิ่งก่อสร้าง เป็นประวัติศาสตร์ ใช้เวลาสร้างในยุคสมัยโรมัน โรม ใช้เวลานับ 10 ปี
คนจีนก็บอกว่า เขามีกำแพงเมืองจีน ใช้เวลาสร้างตลอดราชวงศ์ ซินซี ประมาณ เกือบ 20 ปี
แต่พอหันมาถามคนไทยแล้วขับรถผ่าน อนุเสวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ละคนที่มาด้วยกันถามว่า แล้วสิ่งนี้คืออะไร
คนไทยตอบว่า "ไม่รู้สิครับ...เมื่อเช้าไม่เห็นมีเลย แต่นี่มาได้งัย " เห็นไหมครับคนไทยเก่งกว่า สร้างเร็วกว่า(ฮ่าๆๆๆๆ )
ภาระของคนเรามันมีตั้งแต่เกิด เริ่มต้นดี แต่บางครั้งขาดความมั่นใจ ทำให้หยุด ถ้าเราคิดว่ามีดีอยู่ในตัวเรามั่นใจไปเลย มุ่งมั่นตั้งใจในสิ่งที่เราทำ ตัดความกังวล สงสัย จะทำให้เราทำอะไรก็ตามออกมาได้ดี และดียิ่งขึ้น
ถ้าเราใส่ความสนุกไปกับการทำงาน ที่จะทำ จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น บางครั้งจังหวะดนตรี เหมือนจังหวะในการใช้ชีวิต จับจังหวะได้มีความมั่นใจมากขึ้น มีความเข้าใจมากขึ้น เหมือนกับชีวิตเราจับได้ เราก็จะมีความสุขและสนุกกับการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตมากขึ้น
" สนุกกับการทำงาน.....เสมือนสนุกกับการใช้ชีวิต "
ครูสอน จงบอกตัวเองให้เชื่อในเรื่องของความสนุกอย่างจริงๆจังๆ เพราะ....ความสนุกจะผลักดันให้เราทำงานให้ได้ดี งานที่เป็นสิ่งสำคัญกว่าครึ่งค่อนของชีวิต เพราะฉนั้นเราไม่ควรระทมทุกข์อยู่กับมัน การทำงานไม่น่าจะเป็นภาระ แต่ควรเป็นกิจกรรมที่เข้าจังหวะกับชีวิต เฉกเช่นให้ได้ความผสมผสานจนเกิดความไพเราะเหมือนดั่งเช่นจังหวะของดนตรี
ถ้าเราจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ หรือประสบความสำเร็จได้ เราต้องมีเส้นทางของตัวเอง ต้องชัดเจน ใครด่าว่าอย่างไร ไม่ต้องไปฟัง จงฟังเสียงความมุ่งมั่นของตัวเอง เรารู้ทางสว่างของเราอยู่แล้ว และจัดกระบวน การคิด แล้วก็ลงมือทำ จะทำอย่างไรให้ไปถึงจุดที่เราหวังด้วยสติ ที่มีศีลธรรม คุณธรรมเป็นผู้ค้ำจุน
เราจะตั้งเป้าไปไหน...เราต้องเดินไปให้ถึง
จะล้มตายกลางทางหรือไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง
ก็ไม่เป็นไรเพราะ.ชีวิตนี้เราได้ตัดสินใจเดินแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ duang-dee ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ duang-dee
ความคิดเห็น